นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับบูรณาการ

1. กฎทั่วไป

บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด(ต่อไปนี้จะเรียกว่า 'บริษัท' ) ได้จัดทำและเผยแพร่นโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และเพื่อจัดการต่อข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น

2. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล และระยะเวลาการเก็บรักษา

1)
บริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ด้านล่างนี้ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บ บริษัทจะดำเนินการอันจำเป็น เช่น การขอความยินยอมแยกต่างหาก เพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
บริษัทดำเนินการโดยใช้บัญชีรวมสำหรับบริการเว็บไซต์ / แอพพริเคชั่นออนไลน์ ของบริษัท และเก็บรวมรวมข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏด้านล่างนี้ ณ เวลาที่มีการสมัครสมาชิก

3) บริษัทจะบันทึกข้อมูลการยืนยันการเก็บรวบรวม ใช้ และการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติในระบบข้อมูลตำแหน่ง บริษัทเก็บรักษาข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งส่วนบุคคลเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อยืนยันการเก็บรวบรวม การใช้งาน และการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งส่วนบุคคล

4.) บริษัทอาจจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การเก็บรักษาบันทึกสาธารณะ ฯลฯ โดยการทำให้เป็นข้อมูลที่มีการแฝงข้อมูลของข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมเพื่อไม่ให้ระบุตัวบุคคลที่เฉพาะเจาะจงได้
-ข้อมูลแฝง หมายถึง ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลโดยเจาะจงได้โดยไม่ต้องใช้หรือรวมข้อมูลอื่นเพิ่มเติม (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "ข้อมูลเพิ่มเติม") เพื่อคืนค่าข้อมูลนั้นให้กลับสู่สถานะดั้งเดิมโดยการทำให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการแฝงข้อมูล
-“ การทำให้เป็นข้อมูลที่มีการแฝงข้อมูล” หมายถึง การประมวลผลเพื่อให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้หากไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น การลบข้อมูลส่วนบุคคลบางส่วนหรือการเปลี่ยนข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมด
-โดยหลักแล้ว บริษัทจะห้ามมิให้มีการระบุตัวตนของลูกค้าโดยเฉพาะเจาะจงผ่านการทำให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการแฝงข้อมูล
- ข้อมูลนามแฝงและข้อมูลเพิ่มเติมจะถูกจัดเก็บแยกต่างหากจากกัน และมีการใช้มาตรการป้องกันด้านเทคนิคและการจัดการที่จำเป็น

3. ขั้นตอนและวิธีการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

1) บริษัทลบและทำลายข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้าเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็น เช่น หมดระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล หรือบรรลุวัตถุประสงค์ของการประมวลผล เว้นแต่มีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายอื่น

2) บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งและข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลที่รวบรวมไว้โดยไม่ชักช้า หากลูกค้าถอนความยินยอมทั้งหมดหรือบางส่วนข้อมูลยืนยันข้อเท็จจริง (ในกรณีการถอนความยินยอมบางส่วน จำกัดเฉพาะข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลของส่วนที่ถูกถอนความยินยอม และการรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลยืนยันข้อเท็จจริงของข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคล) จะถูกทำลาย และขั้นตอนและวิธีการทำลายจะถูกทำลายจะเป็นไปตามตามข้อนี้.

3) แม้ว่าระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่ตกลงโดยลูกค้าจะครบกำหนดแล้วหรือบรรลุวัตถุประสงค์ของการประมวลผลแล้ว ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ตามกฎหมายและตามนโยบายภายในและเหตุผลอื่นๆ ในการคุ้มครองข้อมูล (อ้างอิงถึง ระยะเวลาการเก็บรักษาและใช้งาน) หรือในกรณีที่บริษัทสามารถอ้างฐานกฎหมายอื่นๆในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ต่อไป ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกย้ายไปยังฐานข้อมูลแยกต่างหาก (DB) หรือจัดเก็บไว้ในสถานที่จัดเก็บอื่น (แยกตู้เก็บเอกสารในกรณีเป็นกระดาษ) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถ่ายโอนไปยังฐานข้อมูลแยกต่างหากจะไม่ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่เก็บรักษาไว้ เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

4) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บันทึกและจัดเก็บในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์จะถูกทำลาย เพื่อให้ข้อมูลที่บันทึกนั้นไม่สามารถทำขึ้นใหม่ และข้อมูลส่วนบุคคลที่บันทึกและจัดเก็บในรูปแบบกระดาษ จะถูกทำลายโดยเครื่องทำลายเอกสารหรือการเผาทำลาย

4. การส่งมอบการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1) บริษัทมอบหมายงานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างราบรื่น

2) ในการทำสัญญาการส่งมอบงาน บริษัทจะมีการทำสัญญาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทรับรองว่าจะมีการเพิ่มเงื่อนไขต่างๆ เช่น ห้ามการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากวัตถุประสงค์ที่มอบหมาย ต้องมีมาตรการด้านเทคนิคและบริหาร ห้ามแต่งตั้งผู้ให้บริการช่วง ต้องมีการบริหารและแนะนำผู้ปฏิบัติงาน และมีความรับผิดชอบ เช่น การชดใช้ค่าเสียหาย จะมีการระบุในเอกสารเอกสารต่างๆ เช่น สัญญา และคำแนะนำ ว่าผู้ได้รับมอบหมายงานได้มีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยหรือไม่

3) หากเนื้อหาของธุรกิจที่ได้รับมอบหมายหรือผู้รับมอบหมายมีการเปลี่ยนแปลง เราจะเปิดเผยผ่านนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนี้โดยไม่ชักช้า

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม

1) บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายใต้ขอบเขตที่กำหนดในข้อ 2 (วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) และความยินยอมของลูกค้าเท่านั้น ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลจะถูกเปิดเผยให้แก่บุคคลที่สามเมื่อบริษัทได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เท่านั้น

2) บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามดังต่อไปนี้

3) เมื่อบริษัทเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลของลูกค้าแก่บุคคลที่สามที่กำหนดโดยลูกค้า บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบทันทีเกี่ยวกับผู้รับ วันที่และเวลาของการเปิดเผย และวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่เก็บรวบรวมข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ในกรณีต่อไปนี้ จะมีการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์การสื่อสารที่ระบุและกำหนดโดยลูกค้าล่วงหน้าหรือทางอีเมล
- ในกรณีที่อุปกรณ์การสื่อสารที่รวบรวมข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลไม่มีฟังก์ชันรับข้อความ เสียง หรือวิดีโอ
- ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคลร้องขอล่วงหน้าให้แจ้งทางอีเมลหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ นอกเหนือจากอุปกรณ์การสื่อสารที่เกี่ยวข้องซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลตำแหน่งส่วนบุคคล
※ อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาสูงสุด 30 วัน รายละเอียดการเปิดเผยข้อมูลหลายรายการอาจจะถูกแจ้งในครั้งเดียวตามมาตรฐานต่อไปนี้
- จำนวนครั้ง: 10 ครั้ง 20 ครั้ง หรือ 30 ครั้ง เป็นต้น
-ระยะเวลา: 10, 20 หรือ 30 วัน

6. มาตรการเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทใช้มาตรการทางเทคนิค/การบริหารดังต่อไปนี้เพื่อรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลสูญหาย ถูกขโมย รั่วไหล ปลอมแปลงหรือเสียหายในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

1) มาตรการทางเทคนิค
① การเข้ารหัสข้อมูลลูกค้า
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลประจำตัวที่ไม่ซ้ำกันและหมายเลขบัตร จะถูกเข้ารหัสและจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล ดังนั้น แม้ว่าจะมีการรั่วไหลเนื่องจากการบุกรุกจากภายนอก ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้
② การเข้ารหัสส่วนของการสื่อสาร
สำหรับส่วนที่ป้อนและส่งข้อมูลลูกค้า เช่น การลงทะเบียนสมาชิกและการเข้าสู่ระบบผ่านเว็บไซต์ เราใช้มาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของลูกค้าจะถูกส่งอย่างปลอดภัยผ่านการสื่อสารที่เข้ารหัส เช่น SSL
③การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย
เพื่อให้บริการและจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย จึงมีการติดตั้งโปรแกรมวัคซีน มีการอัปเดตเป็นระยะ และมีการตรวจสอบเป็นประจำในระบบประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และระบบการควบคุมการเข้าถึงฐานข้อมูลและระบบป้องกันการจับภาพหน้าจอจะถูกนำไปใช้เมื่อจำเป็น นอกจากนี้ ในการเตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุกจากภายนอก เช่น การขโมยข้อมูล เราได้ติดตั้งระบบป้องกัน/ตรวจจับการบุกรุก และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขโมยข้อมูลและการบุกรุกจากภายนอกผ่านศูนย์ควบคุมความปลอดภัยแบบบูรณาการ

2) มาตรการทางบริหาร
①การจัดตั้งระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย บริษัทได้จัดตั้งและดำเนินการระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการภายใน
②การบริหารจัดการผู้จัดการข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้จัดการข้อมูลส่วนบุคคลผู้ซึ่งจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะต้องส่งคำสาบานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และมีการจัดฝึกอบรมการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเพื่อให้มั่นใจถึงความสำคัญของข้อมูลลูกค้าและการบริหารจัดการที่ปลอดภัย นอกจากนี้ เราลดการเข้าถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยไม่จำเป็นโดยการจัดการอำนาจของผู้บริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

7. เรื่องเกี่ยวกับ การติดตั้ง การดำเนินการ และการปฏิเสธอุปกรณ์รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ

1) บริษัทอาจใช้ 'คุกกี้' ที่จัดเก็บและดึงข้อมูลการใช้งานเป็นครั้งคราวเพื่อให้บริการที่ปรับแต่งเป็นรายบุคคลแก่ผู้ใช้

2) คุกกี้เป็นข้อมูลจำนวนเล็กน้อยที่เซิร์ฟเวอร์ใช้ในการดำเนินการเว็บไซต์ส่งไปยังเบราว์เซอร์คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ และบางครั้งถูกจัดเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์พีซีของผู้ใช้
①วัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้: ใช้เพื่อให้ข้อมูลที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้โดยระบุประเภทของการเข้าชมและการใช้งานของแต่ละบริการและเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม ไม่ว่าผู้ใช้จะเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ก็ตาม ลูกค้ามีตัวเลือกเกี่ยวกับการติดตั้งคุกกี้ ดังนั้น ลูกค้าอาจจะอนุญาตคุกกี้ทั้งหมดโดยการตั้งค่าตัวเลือกในเว็บเบราว์เซอร์ หรือต้องมีการยืนยันทุกครั้งที่มีการบันทึกคุกกี้ หรือปฏิเสธที่จะบันทึกคุกกี้ทั้งหมด
②การติดตั้งคุกกี้ ∙ การดำเนินการและการปฏิเสธ : ในการตั้งค่าการปฏิเสธคุกกี้ คุณสามารถอนุญาตคุกกี้ทั้งหมดโดยการเลือกตัวเลือกที่เว็บเบราว์เซอร์ที่คุณใช้งานอยู่ หรือต้องมีการยืนยันทุกครั้งที่มีการบันทึกคุกกี้ หรือปฏิเสธการบันทึกคุกกี้ทั้งหมด

※ วิธีการตั้งค่า
Microsoft Edge: การตั้งค่าที่ด้านบนของเว็บเบราว์เซอร์ > คุกกี้และการอนุญาตไซต์ > เลือกวิธีการตั้งค่า
Google Chrome: การตั้งค่าที่ด้านบนของเว็บเบราว์เซอร์ > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > คุกกี้และข้อมูลไซต์อื่นๆ > เลือกวิธีการตั้งค่า

8. สิทธิและข้อผูกพันของลูกค้าและวิธีการใช้สิทธิ

1) ลูกค้าสามารถเพิกถอน (ยกเลิก) ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทได้ตลอดเวลา และใช้สิทธิอื่นๆ เช่น ขอเข้าถึง ขอถ่ายโอน ขอให้ลบ ขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล และขอคดค้าน และขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2) ลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์ข้างต้นได้หลังจากเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัททางออนไลน์และผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตน และติดต่อศูนย์บริการลูกค้าหรือผู้บริการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทและบุคคลที่รับผิดชอบผ่านการเขียน โทรศัพท์ หรืออีเมล และบริษัทจะดำเนินการโดยไม่ชักช้า

3) อนึ่ง การลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือการยกเลิกความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถทำได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท เท่านั้น ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อกรณีการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท หรือกรณีการให้บริการอื่น ๆ เนื่องจากจะไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ จึงอาจเกิดข้อจำกัดในการให้บริการในบางส่วนที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และอาจทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ได้รับสิทธิประโยชน์การบริการ และข่าวสารจากบริษัทต่อไป

4) สิทธิ์ต่าง ๆ ของลูกค้าอาจถูกจำกัดตามกฎหมาย

5) คำขอแก้ไขและลบข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถร้องขอได้ หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกระบุให้เป็นเรื่องของการรวบรวมในกฎหมายและข้อบังคับอื่น ๆ

6) บริษัทจะทำการตรวจสอบว่าบุคคลที่ทำการร้องขอใช้สิทธิ เป็นบุคคลหรือตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

7) หากลูกค้าร้องขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจนกว่าการแก้ไขข้อผิดพลาดจะเสร็จสิ้น และหากมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามแล้ว เราจะแจ้งให้คุณทราบเพื่อให้ข้อผิดพลาด ได้รับการแก้ไข

8) ในกรณีที่ลูกค้าถอนความยินยอม (ยกเลิกการสมัครสมาชิก) โดยหลักการแล้ว บริษัทจะทำลายทิ้งโดยไม่ชักช้า เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว ตามนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล [2. ระยะเวลาการเก็บรักษาและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล] มาตรการต่างๆ จะได้รับการปฏิบัติตามเพื่อให้ดูหรือใช้ข้อมูลเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น

9) หากท่านต้องการรายงานเรื่องร้องเรียน หรือหากท่านรู้สึกว่าบริษัท ไม่ตอบข้อกังวลของท่านในลักษณะที่น่าพึงพอใจ ท่านสามารถติดต่อและ/หรือร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามรายละเอียดด้านล่าง

120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

โทรศัพท์: โทร. 02 142 1033, 02 141 6993

อีเมล: saraban@pdpc.or.th

10. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและผู้รับผิดชอบ ฝ่ายประมวลผลธุรกิจ

1) บริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลโดยรวม และแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและผู้รับผิดชอบดังต่อไปนี้สำหรับการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าและการบรรเทาความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2) ลูกค้าสามารถสอบถามเกี่ยวกับการสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อร้องเรียน การบรรเทาความเสียหาย ฯลฯ ที่เกิดขึ้นขณะใช้บริการของบริษัท (หรือธุรกิจ) กับบุคคลที่รับผิดชอบในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ บริษัทจะตอบกลับและดำเนินการตามข้อซักถามของคุณโดยไม่ชักช้า

11. ข้อมูลการส่งข้อมูลการโฆษณา

1) บริษัทไม่ส่งข้อมูลโฆษณาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากลูกค้า

2) เมื่อบริษัทส่งข้อมูลโฆษณาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า เช่น การตลาดและการประชาสัมพันธ์ เช่น ข้อมูลการเปิดตัวรถใหม่หรือข้อมูลกิจกรรม ข้อมูลจะถูกส่งไปยังลูกค้าที่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าเท่านั้นสำหรับการส่งข้อมูลโฆษณา

12. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

1) โดยหลักการแล้ว บริษัทจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ให้บริการรายอื่นในต่างประเทศโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากลูกค้า

2) บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศในกรณีต่อไปนี้ และข้อมูลนี้จะถูกส่งอย่างปลอดภัยโดยใช้มาตรการป้องกันทางเทคนิค
- ในกรณีที่ลูกค้าได้รับความยินยอมแยกต่างหากสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศ
- ในกรณีที่การโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศได้กระทำเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผยตามนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีการแจ้งลูกค้าทางอีเมลหรือเป็นลายลักษณ์อักษร
การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศโดยบริการ

13. ขอบเขตของการใช้นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ใช้กับการขายรถยนต์ของบริษัท บริการบำรุงรักษา และบริการออนไลน์ทั้งหมด (รวมถึงเว็บ/แอพมือถือ)
สำหรับบริการส่วนบุคคลบางอย่าง อาจใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวแยกต่างหาก

14. เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อบริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ จะมีการแจ้งเหตุผลและรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าผ่านคอลัมน์การแจ้งเตือนบนหน้าจอแรกของหน้าแรกหรือผ่านหน้าต่างแยกต่างหาก จากนั้นจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงและการใช้บังคับ

เมื่อนโยบายความเป็นส่วนตัวแบบรวมมีการเปลี่ยนแปลง คุณสามารถดูเวอร์ชันก่อนหน้าได้ในแถบเมนูที่ด้านบนของนโยบาย

วันที่ประกาศ : 2023.0 3 . 22
วันที่ดำเนินการ : 2023.0 3 . 22